Wednesday, March 17, 2010

ตำนานมหาเจดีย์ชเวดากอง พม่า

ชาวพม่ามักจะเรียกมหาเจดีย์ชเวดากอง ว่า "ชเวติโ่ก่งพยา" คำว่า "พยา" ในภาษาพม่าหมายถึง "เจดีย์" และ "ชเว" แปลว่า "ทอง" สำหรับคำว่า "ติโก่ง" นั่นเดิมคือคำว่า "ตรีหะกุมพะ" ในภาษาบาลี จากนั้นเพี้ยนมาเป็น "ตริกุมพ" "ติกุ่น" และ "ติโก่ง" ที่แปลว่า "เขาสามลูก" ตามลำดับ สำหรับตำนานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง (ชเวติโก่งพยา) เกิดขึ้นเมื่อราว 2,500 ปี ก่อนในสมัยของพระเจ้าโอกกลาปะกษัตริย์แห่งดินแดนสุวรรณภูมิผู้ครอบครองอาณาจักรตะลายังใกล้เขาสิงคุตตระในดินแดนพม่าตอนล่าง ซึ่งในขณะนั้นเจ้าชายสิทธารถโคตะมะยังทรงเป็นเียงมาณพหนุ่มน้อยทรงประทับอยู่ทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย ในความรู้สึกของชาวพม่าทุกคนเชื่อกันว่าบนยอดเขาสิงคุตตระเป็นสถานที่สักดิ์สิทธิ์เพราะมีเครื่องอัตบริขารของอดีตพระพุทธเจ้าทั้งสามพระองค์ประดิษฐานอยู่ซึ่งกล่าวกันว่าในทุกๆ 5,000 ปี จะมีพรุพุทธเจ้าอุบัติขึ้นบนโลกมนุษย์หนึ่งพระองค์ ในครั้งนั้นพระพุทธเจ้าองค์ที่สามได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานล่วงเลยไปเืกือบ 5,000 ปีแล้ว และในไม่ช้าเขาลูกนี้คงจะสูญสิ้นความศักดิ์สิทธ์ เว้นแต่พระพุทธเ้จ้าที่จะอุบัติขึ้นมาใหม่เป็นองค์ต่อไปจะเสด็จมาปรากฏพระวรกายและพระราชทานสิ่งแทนพระองค์เอาไว้ให้เป็นที่สักการะบูชาของมนุษย์สืบต่อไป พระเจ้าโอกกลาปะจึงเสด็จขึ้นไปนบยอดเขาบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่เป็นเวลานานเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจ้าชายสิทธารถกำลังทรงเจริญซึ่งสมาธิภาวนาอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ ตำบลพุทธคา ซึ่งใกล้จะบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จากนั้นตำนานเล่าสืบต่อว่า พระพุทธองค์ทรงแสดงปฏิหารย์เสด็จมาประกฏพระวรกายต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า โอกกลาปะและให้พรพรว่าพระประสงค์ของพระเจ้าโอกกลาปะจะสัมฤทธิ์ผลเป็นแน่แท้



หลังซึ่งทรงพระตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วทรงเสวยพระวิมุติสุขอยู่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์เ้ป็นเวลานาน 49 วัน เมื่อครอบกำหนดเวลามีพ่อค้าพี่น้องาสองคนชาวพม่ามีนามว่า ตปุสสะกับภัลลิกะได้เดินทางจากแดนไกลมาค้าขาย พ่อค้าชาวพม่าทั้งสองเกิดความเลื่อมใสพระพุทธเจ้าได้ถวายข้าวสัตตูให้พระพุทธเจ้าทรงเสวย หลังจากพระพุทธเจ้าได้ทรงเสวยเสร็จแล้วได้ทรงลูบพระเศียรได้พระเกศาจำนวนแปดเส้นติดพระหัตถ์มาทรงพระราชทานให้พ่อค้าทั้งสองคนไปและในระหว่างเดินทางกลับบ้านพ่อค้าทั้งสองคนต้องประสบปัญหายุ่งยากนานัปการนับตั้งแต่พระราชาแห่งนครอเชฏฏะทรงลอบขโมยพระเกศาธาตุไปสองเส้นและในขณะที่แล่นเรือข้ามอ่าวเบงกอลอยู่นั้นได้ปรากฏพญานาคราชตนหนึ่งผุดขึ้นมาจากท้องมหาสมุทรช่วงชิงเอาพระเกศาธาตุไปอีกสองเส้น ถึงกระนั้นก็ตามเมื่อพ่อค้าทั้งสองเดินทางกลับมาถึงบ้านเมืองแล้วพระเจ้าพระโอกกลาปะก็ทรงจัดพิธีต้อนรับมีงานเฉลิมฉลองพระเกศาธาตุอย่างมโหฬารเหล่าทวยเทพเทวดาทั้งหลายได้เสด็จลงมาร่วมงานและได้ทำการเลือเฟ้นสถานที่ที่จะสร้งพระมหาเจดีย์ขึ้นเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า

ตำนานเหล่าต่อกันมาว่าเมื่อพระเจ้าโอกกลาปะทรงเปิดกล่องที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าออกพระเกศาธาตุได้สำแดงปฏิหารย์กลับคืนมาอยุ่ในกล่องครบทั้งแปดเส้นเช่นเดิม ช่างเป็นสิ่งที่นาอัศจรรย์ใจเป็นยิ่งนักและในขณะที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรด้วยความปลื่มปิติล้นพ้นพระเกศาธาตุก็แสดงปฏิหารย์เปล่งรัศมีอันสุกใสยังความสว่างไสวไปทั่วทั้งโลกธาตุ และในช่วงพริบตานั้นคนพิการทั้งปวงก็พ้นจากความพิการ คนตาบอดก็มองเห็น คนหูหนวกก็ได้ยิน คนเป็นใบ้ก็พูดได้ โลกพลันสั่นสะเทือนเลือนลั่น พสุธากัมปนาท อสุนีบาตปาดเปรี้ยงปร้าง หมู่มวลพฤกษาพากันผลิดอกออกผลสุกปลั่งพระพิรุณที่โปรยปรายลงมายังพื้นโลกกลับกลายเป็นอัญมณีที่มีค่าร่วงหล่นลงมาเต็มพื้นดินและจากตำนานพระเกศาธาตุดังที่กล่าวเล่ามานี้ทำให้เขาสิงคุตตระกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เฉกเช่นเดียวกันกับพระมหาเจดีย์ชเวดากอง เป็นที่เคารพสักการะยิ่งกว่า เจดีย์ทั้งหลายทั้งปวง

สำหรับพระมหาเจดีย์ชเวดากององค์ปัจจุบันนี้เป็นองค์ใหม่ที่สร้างครอบองค์พระเจดีย์ชเวดากองอันเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าองค์จริงเอาไว้ ภายในยังมีสถูปเจดีย์องค์เล็กๆ ที่สร้างซ้อนกันมาเป็นชั้นๆ มีจำนวนเจ็กชั้นด้วยกันทั้งที่สร้างมาจากทอง เงิน ดีบุค ทองแดง ตะกั่ว หินอ่าน เหล็กและอิฐ จนกลายมาเป็นเจดีย์ที่เห็นกันอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้

ขอบคุณที่มา นิตยสาร คนชอบเที่ยว

Read More

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...